วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาการสึกหรอของยาง

                                                ปัญหาการสึกหรอของยาง
              ยางรถเป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งกำลัง  ระบบบังคับเลี้ยว และระบบรองรับ  ซึ่งจากหน้าที่ที่มีส่วนร่วมที่สำคัญนี้จึงต้องรักษายางให้คงสภาพที่ดีอยู่เสมอ  เพราะฉะนั้นในการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับยางในขั้นแรกนั้นจะต้องตรวจสอบสภาพของยางว่ามีการใช้งานที่ถูกต้องและบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่เสียก่อน
  ดังนั้นการสึกหรอของยางที่ผิดปกติจึงเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
1. ยางสึกบริเวณไหล่ยางหรือตรงกลาง  สาเหตุหลักที่สำคัญนั้นเกิดจากการบกพร่องในการรักษาแรงดันลมยางให้ได้ตามค่าที่กำหนดไว้  ดังนั้นการเติมแรงดันลมยางให้อ่อนเกินไปจะทำให้บริเวณส่วนกลางของยางเว้าเข้าน้ำหนักของรถจะตกบริเวณไหล่ยาง  จึงเป็นสาเหตุให้บริเวณไหล่ยางทั้งสองข้างนั้นสึกเร็วกว่าบริเวณตรงกลาง
     แต่ในทางตรงกันข้าม  ถ้าเติมลมยางให้มากกว่าค่าที่กำหนดไว้  ผลที่ตามมานั้นจะทำให้บริเวณส่วนกลางของยางสึกหรอเร็วกว่าบริเวณไหล่ยางทั้งสองข้าง
2. ยางสึกจากการเลี้ยว  สภาพการสึกของดอกยางจะมีลักษณะทแยงมุม เป็นสาเหตุที่เกิดจากผู้ขับขี่นั้นเลี้ยวโค้งด้วยความเร็วที่สูงมาก  วิธีแก้ไขก็คือ ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลงในขณะที่เลี้ยวเข้าโค้ง
3. ดอกยางสึกเพียงด้านเดียว สาเหตุหลักนั้นเกิดจากมุมแคมเบอร์ผิด ทำให้พื้นที่สัมผัมถนนของยางต่างกันตามน้ำหนักที่กดลง  เช่น ถ้ายางมีมุมแคมเบอร์บวก  ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกสั้นกว่าด้านในเป็นสาเหตุให้บริเวณพื้นดอกยางด้านนอกนั้นเกิดการลื่นไถลไปบนพื้นถนนทำให้ดอกยางด้านนอกสึกเร็วกว่าดอกยางด้านใน  ในทางตรงกันข้าม  ถ้าเป็นมุมแคมเบอร์ลบ  ก็จะทำให้ดอกยางด้านในนั้นสึกเร็วกว่าดอกยางด้านนอก
4. ดอกยางสึกคล้ายขนนก  สาเหตุหลักที่สำคัญนั้นเกิดจากการตั้งมุมโทผิด  เช่น ถ้าปรับตั้งมุมล้อเป็นมุมโทอินมากเกินไป  จะมีผลทำให้ยางเกิดการลื่นไถลออกและดึงให้ผิวหน้าสัมผัสของดอกยางกับพื้นถนนเข้าด้านใน ลักษณะการสึกของดอกยางจะมีรูปร่างคล้ายขนนกจากด้านในไปด้านนอก  และในทางตรงกันข้าม ถ้ามุมล้อถูกปรับให้เป็นมุมโทเอ๊าต์มากเกินไป ดอกยางก็จะสึกคล้ายขนนกเช่นกัน โดยจะสึกวิ่นตามแนวขวางจากด้านนอกไปยังด้านใน
5. ดอกยางสึกเป็นคลื่น  สาเหตุนั้นเกิดจากรถที่ใช้ดอกยางแบบลัก เช่น รถบัส ซึ่งเป็นผลมาจากการเบรค จึงทำให้ดอกยางมีรูปแบบที่คล้ายกับการสึกที่เกิดจากมุมโทเช่นกัน
6. การสึกของยางเป็นเบ้าคล้ายถ้วย  ลักษณะการสึกของยางนั้นเกิดจากการที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงและลื่นไถลชั่วขณะ
7. การสึกของยางเป็นเบ้าตลอดทั้งเส้น  สาเหตุนั้นเกิดจากการชำรุดของลูกปืนล้อ  ลูกหมาก  คันส่ง หรือมีระยะฟรีมากเกินไป จึงทำให้เกิดการลื่นไถลเป็นจุดๆ
8. การสึกของดอกยางเป็นแนวยาว  สาเหตุเกิดจากการสึกของจานเบรคที่กระทำเป็นช่วงๆ จึงทำให้เกิดการสึกของยางเป็นแนวยาวกับพื้นที่สัมผัสของพื้นถนนในทิศทางแนวเส้นรอบวง การสึกหรอมีสาเหตุมาจากดรัมเบรคทำงานเป็นระยะๆ
9. การสึกของดอกยางเหมือนเส้นรองเท้า  ลักษณะการสึกเหมือนเส้นรองเท้า จะพบมากกับดอกยางแบบบล็อคและแบบลัก  สาเหตุนั้นมาจากการปรับตั้งมุมโทผิดและวิ่งบนถนนเรียบบ่อยครั้ง
10. ตัวถังรถสั่นเมื่อใช้ความเร็ว  สาเหตุหลักของการสั่นที่ตัวถังนั้นเกิดจากยางรถทุกเส้นไม่สมดุลกันหรือบิดเบี้ยวมากกว่าค่าที่กำหนด  อาการสั่นนี้จะเกิดขึ้นที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 40 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
11. พวงมาลัยเต้นหรือสะบัด  สาเหตุหลักที่สำคัญนั้นเกิดจากยางทุกเส้นไม่สมดุลหรือจากสาเหตุอื่นซึ่งได้แก่  ก้านต่อบังคับเลี้ยวชำรุดและศูนย์ล้อผิด
    ลักษณะของการเต้นหรือสะบัดของพวงมาลัยถูกจัดแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกันคือ
*  เกิดการสั่นตลอดเวลาตั้งแต่ความเร็วประมาณ  20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนถึงความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
* เกิดอาการที่เรียกว่า  สะบัด  ที่ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่ิอชั่วโมง
                           แรงดันลมยาง  ( Inflation  Pressure ) 
             ยางรถยนต์จะต้องสูบลมให้ได้แรงดันลมตามที่กำหนดไว้  แต่ถ้ายางอ่อนเกินไป จะทำให้แก้มยางมีความยืดหยุ่นมาก  เกิดความร้อนสูง  ดอกยางสึก สมรรถนะในการขับขี่จะไม่ปลอดภัย  ดังนั้นแรงดันลมยางจึงต้องหมั่นตรวจสอบให้เป็นปกติ  และปรับให้ได้ค่าตามที่กำหนด  หรืออาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มหรือลดให้มีความแตกต่างจากแรงดันปกติก็ตาม
       ด้วยเหตุนี้การเติมลมยางให้มีแรงดันที่แตกต่างจากค่าที่กำหนดจะมีผลต่อยางดังนี้ ในกรณีแรงดันลมยางมากเกินไป  จะทำให้เกิดปัญหาดังนี้
- ความยากลำบากในการบังคับ
- ทำให้ดอกยางตรงกลางสึกหรอเร็วขึ้น
- ชั้นดอกยางจะแยกตัว  ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิความร้อนจากความฝืด
- ชั้นผ้าใบเกิดการเสียหาย
    แรงดันลมยางต่ำเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้  คือ
- ขอบของดอกยางจะสึกมากเกินไป
- การบังคับเลี้ยวยาก
- ที่ความเร็งสูงยางจะยืดหยุ่นมาก  ทำให้มีอุณหภูมิความร้อนสูง เกิดคลื่นและระเบิด
- มีความฝืดสูง  ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น